วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

Update H7N9 จำนวน 9 รายของประเทศจีน

ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ถึง 21 มีนาคม 2556 มีผู้ยืนยันติดเชื้อ Novel influenza A virus, A(H7N9) จำนวน 9 ราย เสียชีวิต 3 ราย ใน 4 มณฑลของประเทศจีน ดังนี้
1)     มณฑล Shanghai ผู้ติดเชื้อ 2 ราย เสียชีวิต 2 ราย (เพศชาย 2 ราย อายุ 87 ปี และ 27 ปี เริ่มป่วยวันที่  19 กุมภาพันธ์ และ 27 กุมภาพันธ์ 2556 เสียชีวิตวันที่ 4 และ 10 มีนาคม 2556 ตามลำดับ  ผู้ติดเชื้อรายที่ 2 มีอาชีพขายเนื้อสัตว์
2)     มณฑล Anhui ( Chuzhou city)ผู้ติดเชื้อเป็นหญิงอายุ 35 ปี เริ่มป่วยวันที่ 9 มีนาคม 2556 มีอาการ critical condition  ปัจจุบันรักษาที่ Jiangsu
3)     มณฑล Jiangsu ผู้ติดเชื้อ 4 ราย เป็นเพศหญิง 3 ราย  อายุ 32 , 45 และ 48 ปี
    และเพศชายอายุ 83 ปี 1 ราย  ผู้ติดเชื้อที่เป็นหญิงอายุ 45 ปีมีอาชีพเป็นคนงานใน
    ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ปีกทั้ง 4 รายมีอาการ critical condition
4)     มณฑลZhejiang  มีผู้ติดเชื้อ 2 รายเป็นเพศชาย 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย อายุ 38 ปี
     และ 67 ปีตามลำดับ  ผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นกุ๊กทำงานที่ Jiangsu เริ่มป่วยวันที่ 7  
    มีนาคม 2556 เสียชีวิต 27 มีนาคม 2556  ส่วนอีก 1 รายอาศัยในเขตHangzhou
    เข้ารับการรักษาวันที่ 25 มีนาคม 2556
             สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ของมณฑล Jiangsu และZhejiang  จำนวน 6 รายนั้นมี  วันเริ่มป่วยระหว่างวันที่ 7 21 มีนาคม 2556 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลระหว่างวันที่ 25 -30 มีนาคม 2556 ผู้สัมผัสจำนวน 350 รายยังไม่พบอาการผิดปกติ   ทั้ง 2 มณฑลเป็นเขตอยู่ระหว่างมณฑล Shanghai และAnhui   ประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกยังไม่ชัดเจน   ไม่มีประวัติเชื่อมโยงทางระบาดวิทยาในแต่ละราย   ตลอดจนไม่มีเหตุการณ์ evidence of human-to-human transmission of the influenza A(H7N9) virus

2. สถานการณ์โรคไข้หวัดนกH5N1
       2.1 Cambodia
       Dr. Denis Laurent, deputy director ของ the Kantha Bopha Hospital ในกรุงพนมเปญ เปิดเผยว่ามีผู้ยืนยันติดเชื้อ Avian Influenza H5N1 รายใหม่ 1 ราย เป็นเพศชายอายุ 6 ปี อาศัยในจังหวัด Kampot เข้ารับการรักษาใน Kantha Bopha Hospital ในวันที่ 31 มีนาคม 2556 ด้วยอาการ severe pneumonia  ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จาก Instituts Pasteur เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ได้ผลบวกต่อเชื้อดังกล่าว  ขณะนี้รายดังกล่าวมี อาการsevere conditions
         ผู้ติดเชื้อรายนี้นับว่าเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 10 ของประเทศของปี 2556   


สถานการณ์ในประเทศ

1. สถานการณ์โรคไข้หวัดนก
            นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยถึงการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H7N9 ว่า ขณะนี้ในไทยยังไม่มีการติดต่อ และตามรายงานมีชาวจีนเสียชีวิต 3 ราย และผู้ติดเชื้อ 88 ราย ซึ่งจีนได้มีการนำผู้ติดต่อทั้ง 88 รายมาเฝ้าดูอาการ และพบแล้วในหลายประเทศ ส่วนกรณีที่มีทัวร์จากจีนเข้ามาในประเทศจะเป็นพาหะหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังเฝ้าระวังดูว่ามีสัตว์ปีกตายเป็นจำนวนมากหรือไม่ หรือมีคนเสียชีวิตมากขึ้น จีนก็จะเตือนให้เฝ้าระวังโดยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับจีน และองค์กรอนามัยโลก ไม่มีปกปิดข้อมูล เพราะเป็นความร่วมมือทางสุขภาพ
          ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยเพิ่มเติมว่า  มีมาตรการควบคุมตลอดเวลาใน 4 ส่วน คือ 1.สัตว์ป่า เช่น นก หากพบป่วยตายผิดปกติ จะมีการเก็บตัวอย่างอุจจาระมาเพาะเชื้อหาสาเหตุ  2.ฟาร์มแบบปิดที่ต้องมี สัตวแพทย์ควบคุม หากพบการป่วยตายผิดปกติต้องทำการเพาะเชื้อหาสาเหตุ3.สัตว์ที่ประชาชนเลี้ยง หากพบการป่วยตายผิดปกติ ให้แจ้ง อสม.เก็บตัวอย่างส่งตรวจ และ4.ประชาชนที่ป่วยไอ มีอาการทางปอด ไข้สูงผิดปกติเกิน 3 วัน ให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาต่อไป

ด้านศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค เผยว่ากรณีปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ที่มีการระบาดในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนถือเป็นครั้งแรกที่เชื้อไข้หวัดชนิดนี้ติดต่อจากสัตว์มาสู่คน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีการกลายพันธุ์หรือไม่ แต่เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าห่วงอีกกรณีหนึ่งก็คือ ขณะนี้ไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่กำลังระบาดในประเทศกัมพูชาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงปัจจุบัน ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 9 ราย โดยในจำนวนนี้เพิ่งเสียชีวิตในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอีก 5 ราย
นอกจากนี้ อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วง กรณีต้องเฝ้าระวังเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มโคโรน่าไวรัสเช่นเดียวกับไข้หวัดซาร์ส และที่ผ่านมาโรคนี้พบจาก ผู้ป่วยชาวซาอุดีอาระเบียเสียชีวิต และชาย ชาวกาตาร์เคยเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย และไปรักษาตัวที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีไปรักษาตัวที่เยอรมนี
      
ดังนั้นการที่มีนโยบายให้ประเทศไทยเป็น "ศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพนานาชาติ" หรือเมดิคอลฮับ (Medical Hub) มีคนในแถบตะวันออกกลางเดินทางเข้า-ออกมารักษาพยาบาลจำนวนมาก โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลเอกชน จึงอยากอยากเตือนให้ระมัดระวัง มีอะไรให้หารือกัน อย่าปิดบังกันรวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานกันมากขึ้น ต้องเฝ้าระวังโรคใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาด้วย ทุกฝ่ายต้องเฝ้าระมัดระวังและวางมาตรการป้องกันให้ดี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น