I. สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ในต่างประเทศ
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
สายพันธุ์ใหม่ 2012 โดยกระทรวงสาธารณสุขของประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งได้รายงานต่อองค์การอนามัยโลก
ในวันที่ 7 มีนาคม 2556 พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่
2012 เพิ่มอีกหนึ่งราย เป็นผู้ป่วยเพศชาย อายุ 69 ปี เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556
และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 การสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า
ผู้ป่วยไม่มีการติดต่อหรือสัมผัสกับผู้ป่วยรายอื่นก่อนหน้านี้ และไม่มีประวัติการเดินทาง
จนถึงขณะนี้ องค์การอนามัยโลกได้รับแจ้งจำนวนผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
สายพันธุ์ใหม่ 2012 แล้ว รวม 14 ราย เสียชีวิต 8 ราย ซึ่งมีการรายงานยืนยันผู้ป่วยจากประเทศซาอุดิอาระเบีย
รวม 7 ราย เสียชีวิต 5 ราย ดังนี้
ลำดับ
|
ประเทศ
|
เพศ
|
อายุ (ปี)
|
เริ่มมีอาการ
|
หมายเหตุ
|
1
|
จอร์แดน
|
ญ
|
45
|
เม.ย.-55
|
เสียชีวิต
|
2
|
จอร์แดน
|
ช
|
25
|
เม.ย.-55
|
เสียชีวิต
|
3
|
ซาอุดิอาระเบีย
|
ช
|
60
|
13-มิ.ย.-55
|
เสียชีวิต
|
4
|
การตาร์
|
ช
|
49
|
3-ก.ย.-55
|
ยังรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
|
5
|
ซาอุดิอาระเบีย
|
ช
|
45
|
10-ต.ค.-55
|
หาย
|
6
|
การตาร์
|
ช
|
45
|
12-ต.ค.-55
|
ส่งตัวไปรับการรักษาที่ประเทศเยอรมัน
|
7
|
ซาอุดิอาระเบีย
|
ช
|
31
|
3-5-พ.ย.-55
|
หาย
|
8
|
ซาอุดิอาระเบีย
|
ช
|
39
|
28-ต.ค.-55
|
เสียชีวิต
|
9
|
ซาอุดิอาระเบีย
|
ช
|
ไม่ได้ระบุ
|
ต.ค.-55
|
เสียชีวิต
|
10
|
อังกฤษ
|
ช
|
60
|
24-ม.ค.-56
|
ยังรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
|
11
|
อังกฤษ
|
ช
|
38
|
6-ก.พ.-56
|
เสียชีวิต
|
12
|
อังกฤษ
|
ญ
|
30
|
5-ก.พ.56
|
หาย
|
13
|
ซาอุดิอาระเบีย
|
ญ
|
61
|
ก.พ.56
|
เสียชีวิต
|
14
|
ซาอุดิอาระเบีย
|
ช
|
69
|
5-ก.พ.56
|
เสียชีวิต
|
*
หมายเหตุ : ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
จากสถานการณ์และข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน
องค์การอนามัยโลกแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศดำเนินการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน
(Severe acute respiratory infection; SARI) และติดตามรูปแบบความผิดปกติต่างๆ
อย่างใกล้ชิด โดยองค์การอนามัยโลกได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ
ประเมินสถานการณ์และจัดทำแนวทางสำหรับการเฝ้าระวังโรค
โดยให้ประเทศสมาชิกทั้งหมดประเมินสถานการณ์และแจ้งต่อองค์การอนามัยโลก กรณีมีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
สายพันธุ์ใหม่ 2012 รายใหม่
พร้อมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจมีผลในการติดเชื้อและรายละเอียดอาการของผู้ป่วย
ทั้งนี้
องค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำให้มีการตรวจคัดกรองพิเศษที่จุดผ่านแดนระหว่างประเทศ
รวมทั้งไม่แนะนำให้จำกัดการเดินทางหรือการค้าระหว่างประเทศแต่อย่างใด
II. สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ในประเทศไทย
ตั้งแต่เดือนกันยายน
2555 จนถึง วันที่ 8 มีนาคม 2556 ยังไม่พบรายงานผู้ป่วยโรคนี้ในประเทศไทย
III. การประเมินสถานการณ์และความเสี่ยงของไทย
จากการรายงานโดยองค์การอนามัยโลก
พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012 ตั้งแต่เดือนกันยายน
2555 ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2556 รวม 14 ราย ในจำนวนนี้ เสียชีวิต 8 ราย
(โดยก่อนหน้านี้ พบผู้ป่วย 13 ราย กระจายในประเทศซาอุดิอาระเบีย จอร์แดน กาตาร์ และสหราชอาณาจักร)
ซึ่งทางองค์การอนามัยโลก ยังไม่แนะนำให้มีการจำกัดการเดินทางไปยังประทศใด ดังนั้นประเทศไทยจึงมีความเสี่ยง
เนื่องจากจะมีประชาชนคนไทยไปแสวงบุญในประเทศแถบตะวันออกกลาง และมีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเพื่อเข้ามาท่องเที่ยว
หรือท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
VI. ผลการดำเนินงานที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการไปแล้ว
และควรดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง คือ
1.1
การประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงและมาตรการของประเทศที่เหมาะสม
โดยประชุมปรึกษาหารือร่วมกับระหว่างผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุข
มหาวิทยาลัย และ องค์กรระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
โดยครั้งล่าสุดมีการประชุมในวันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 14.00 – 16.30 น ณ ห้องประชุมธีระ รามสูต ชั้น3 อาคาร 8
กรมควบคุมโรค
1.2
การเฝ้าระวังโรค สำนักระบาดวิทยาได้ดำเนินการจัดระบบการเฝ้าระวัง
โดยเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012 (Corona virus) ควบคู่ไปกับโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
และโรคไข้หวัดนก (Avian Influenza)
ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยผิดปกติและผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มก้อนแต่อย่างใด
พร้อมทั้งได้มีหนังสือสั่งการไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง
และขอความร่วมมือจากกรุงเทพมหานครให้ดำเนินมาตรการเตรียมความพร้อมรับ
สถานการณ์ไปแล้ว
เมื่อเดือนตุลาคม 2555 ร่วมกับการเฝ้าระวังพิเศษในโรงพยาบาลเอกชน 5 แห่ง
และทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการประสานขอความร่วมมือกับสายการบินที่มา
จากประเทศแถบตะวันออกกลาง
โดยสังเกตผู้โดยสารที่มีอาการสงสัยให้ส่งมาที่แพทย์การท่าอากาศยาน
สุวรรณภูมิ
ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติแต่อย่างใด
1.3
การรักษาพยาบาล กรมการแพทย์ได้จัดทำและแจ้งแนวทางดูแลรักษาพยาบาล
การป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อในสถานพยาบาล ให้แก่สถานพยาบาลภาครัฐ และเอกชน
รวมทั้งสังกัดอื่นๆ ทราบ โดยให้เข้มงวดเป็นพิเศษในระดับสูงสุด เช่นเดียวกับการป้องกันโรคซาร์ส และจัดระบบการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่สามารถรองรับได้
1.4
การสื่อสารความเสี่ยง ได้มีการให้คำแนะนำประชาชนทั่วไป
และผู้เดินทาง มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่
และมีการให้ข้อมูลแก่เครือข่ายในหลายช่องทาง
คำแนะนำสำหรับประชาชน
สำหรับผู้ที่เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรค
ก่อนเดินทาง
-
เนื่องจากทางองค์การอนามัยโลก
ยังไม่แนะนำให้มีการจำกัดการเดินทางไปยังประทศใด ดังนั้นผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ
ให้เตรียมร่างกายให้พร้อม หากมีโรคประจําตัว ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
และเน้นการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การล้างมือ เป็นต้น
-
ขอรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามที่ประเทศนั้นๆ
กำหนดโดยทั่วไป
ระหว่างอยู่ในต่างประเทศ
-
หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่มีอาการไอ
หรือจาม
-
ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัดโดยไม่จำเป็น
เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรค หากจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่แออัด
ผู้มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการป่วยอาจพิจารณาการใส่หน้ากากอนามัย
และเปลี่ยนบ่อยๆ
-
ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่
-
หากมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ไอ
จาม มีน้ำมูก ให้ใส่หน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น
หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์
หลังเดินทางกลับมาในประเทศไทย
-
สังเกตอาการผิดปกติต่ออีก 10 วันหลังจากกลับมาจากต่างประเทศ
หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ควรพักผ่อนอยู่กับบ้าน
และปฏิบัติตามมาตรการลดการแพร่เชื้อสู่คนรอบข้าง โดยการใส่หน้ากากอนามัย
และล้างมือบ่อยๆ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน หรือมีอาการไข้สูง หอบเหนื่อย
หายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์ พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง
สำหรับประชาชนทั่วไป
-
หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ
หรือจาม
-
ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่
โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ก่อนรับประทานอาหาร และหลังขับถ่าย
-
ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด หรือที่ชุมชนสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก
เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรค
-
แนะนำให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากปิดจมูกเวลาไอ
หรือจาม
-
ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี ได้แก่
กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น