วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มอนิเตอร์ข่าว 11 กพ.56‏

ก.ข่าวที่เกี่ยวข้อง/ข่าวที่มีผลกระทบ
ข.ความเคลื่อนไหวของผู้บริหารส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาค/นโยบาย

สธ.ตั้งเมืองศูนย์กลางสุขภาพอาเซียน 5 จังหวัดรองรับประชาคมอาเซียน

            นพ.ประดิษฐ  รมว.สธ. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมระบบบริการสาธารณสุขในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ว่าได้วางแผนไว้ 2 ระดับ คือ 1. การพัฒนาระบบบริการในภาพรวมของประเทศ ได้แบ่งออกเป็น 12 เขตบริการ สุขภาพ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดการลงทุนซ้ำซ้อน โดยให้แต่ละเขตบริการวางแผนการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ทั้งเครื่องมือและบุคลากร 2. เตรียมจัดตั้งเมืองศูนย์กลางสุขภาพอาเซียน กำหนดไว้ 5 จังหวัด คือ ภาคเหนือที่ จ.เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.อุบลราชธานี ภาคใต้ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภาคตะวันออกที่ จ.จันทบุรี และภาคตะวันตกที่ จ.กาญจนบุรี นอกจากนี้ ได้เตรียมพัฒนา รพ.ชายแดน 50 แห่ง เพื่อรองรับประชาชนแนวชายแดนที่จะข้ามพรมแดนเข้ามาใช้บริการด้วย  
(กรมประชาสัมพันธ์,สำนักข่าวไทย)
สธ.เผยตัวเลขผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก
            นพ.ณรงค์   ปลัด สธ.  กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 5 ก.พ.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยแล้ว 5,739 คน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงกว่า 5 เท่า โดยมีผู้เสียชีวิต 4 คน และมีแนวโน้มว่าผู้ป่วยอาจสูงขึ้น 100,000-120,000 คน ที่สำคัญผู้ป่วยร้อยละ 90 จะไม่มีอาการแสดง ทำให้ยากต่อการวินิจฉัยโรค อาจเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้  ดัง นั้น ได้สั่งการให้ สสจ.ทุกจังหวัด เร่งตัดวงจรยุงลายก่อนถึงฤดูกาลระบาดของโรค โดยเฉพาะในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ขณะเดียวกัน สธ.ได้เปิดวอร์รูม วางมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคไข้เลือดออก เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือน้อยที่สุดและป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่ สุด    (กรมประชาสัมพันธ์)
สธ.ห่วงวัยรุ่นในวันวาเลนไทน์
            นพ.สมศักดิ์  รอง อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงวันวาเลนไทน์ของปีที่ผ่านมา พบเยาวชนอายุระหว่าง 18-25 ปี มีเพศสัมพันธ์สูงถึงร้อยละ 16 ในจำนวนนี้มีปัญหาท้องไม่พร้อมสูงถึงร้อยละ 80 โดยพบว่าร้อยละ 30 ตัดสินใจทำแท้ง ขณะเดียวกันพบวัยรุ่นไทย เป็นชาย ร้อยละ 50 และหญิง ร้อยละ 40 ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ และในกลุ่มชายรักชายมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งทวารหนักถึง 6 เท่า หากไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยในวันที่ 14 ก.พ.นี้ พร้อมตรวจหาเชื้อเอชไอวีฟรี ในผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไปด้วย  (ทีวีช่อง สทท)

อย.แจง ยาไดแอน-35” ที่มีส่วนเกี่ยวโยงการเสียชีวิตหญิงฝรั่งเศสยังไม่เคยพบในไทย

            นพ.บุญชัย  เลขาธิการ อย.  กล่าวถึงกรณีมีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์รายงานว่าสำนักงานความปลอดภัยด้าน ผลิตภัณฑ์ยาและสาธารณสุขแห่งชาติ (ANSM : เอเอ็นเอสเอ็ม) ของฝรั่งเศส ได้สั่งระงับการขายยา ไดแอน-35” หลังพบว่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ยาดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตของผู้หญิง 4 คน และผู้ป่วยอีกเป็น 100 คนที่เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันนั้น อย. ติดตามตรวจสอบผลการใช้ยาดังกล่าวในไทยแล้ว ปรากฏว่ายังไม่พบรายงานการเสียชีวิตจากการใช้ยาดังกล่าว ขอผู้บริโภคอย่าหวั่นวิตกและเชื่อมั่นในการดำเนินงานของ อย. เพราะ อย. ได้มีการติดตามตรวจสอบผลจากการใช้ยาที่ขึ้นทะเบียนในไทยอย่างเข้มงวด

(สำนักข่าวไทย)

อภ.มั่นใจไม่กระทบกรณีคืนวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลกลับจีน

            นพ.วิทิต  ผอ.อภ. และ ผอ.โรงงานเภสัชกรรมทหาร กล่าวชี้แจงกรณีคืนวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอล กลับไปให้ 2 บริษัท ของจีน ว่าทำตามขั้นตอนการตรวจสอบมาตรฐานและคุณภาพยาของ อภ. และโรงงานเภสัชกรรมทหาร ที่มีการตรวจสอบวัตถุดิบการผลิตยา ตั้งแต่รับมอบจากบริษัทต้นทางสั่งซื้อ จนถึงขั้นตอนตรวจมอบ และส่งวัตถุดิบก่อนเข้าโรงงานผลิต เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในการผลิตยา อย่างไรก็ตาม การคืนวัตถุดิบไม่ผลกระทบต่อการผลิตยาพาราเซตามอล เนื่องจากยังมีวัตถุดิบที่สั่งซื้อจากอินเดีย และมีการตรวจสอบทุกขั้นตอนก่อนการผลิต หากบริษัทที่มีการสั่งซื้อวัตถุดิบ ตรวจสอบพบยังปฏิบัติไม่ได้มาตรฐาน เตรียมยกเลิกการสั่งซื้อ โดยปี 55 ที่ผ่านมา อภ.มีการผลิตยาพาราเซมอลจำหน่ายใน รพ. และร้านขายยา รวมกว่า 500 ล้านเม็ด (ทีวีช่อง สทท)

อภ.เผยยารักษาโรคเรื้อรังของไทยตีตลาดอาเซียนสร้างรายได้ 80 ล้านบาท

            นพ.วิทิต  ผอ.อภ. กล่าวถึงการผลิตยาตีตลาดยาอาเซียนว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก หลังเดินหน้าผลิตยารักษาโรคเรื้อรัง ส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งกัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม โดยยาที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ยาต้านไวรัสเอดส์ ยารักษาโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ปี 55 ที่ผ่านมา สามารถนำยาของไทย ขึ้นทะเบียนยาในกลุ่มอาเซียน และจำหน่ายสร้างรายได้มากถึงปีละ 80 ล้านบาท  ทั้ง นี้ เนื่องจากส่วนใหญ่มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของยาภายใต้การดูแลขององค์การ เภสัชกรรม มีการจำหน่ายทั้งใน รพ.และร้านขายยา ซึ่งในสัปดาห์หน้าเตรียมเข้าเจรจากับ อย.ของอินโดนีเซีย เพื่อขอการขึ้นทะเบียนยา และอาจมีการร่วมทุนเพื่อการผลิตยาจำหน่ายในอินโดนีเซียด้วย   (สำนักข่าวไทย)

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น