สธ.ตั้งศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำมันรั่วไหล เกาะเสม็ด พร้อมเก็บฉี่ จนท.ชุดเก็บกู้ตรวจละเอียดหาสาร ทีทีมิวนิคแอซิด ที่เป็นอนุพันธ์ของสารเบนซินหวั่นตกค้าง
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุขเผยว่า กระทรวงเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลัง โดยเฉพาะผลกระทบทางสุขภาพประชาชนจากการสูดกลิ่นหรือสัมผัสกับสารโดยตรง รวมทั้งเฝ้าระวังการปนเปื้อนในอาหาร
โดยเฉพาะอาหารทะเลที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ เพราะจากรายงานระบุหลังเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลในประเทศต่างๆ จะตรวจพบสารพาห์
(Polyacyclic
aromatic hydrocarbon : PAH) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งปนเปื้อนในอาหารทะเลสูงกว่าค่าพื้นฐานที่เคยตรวจพบ เบื้องต้นจัดจุดตั้งรับที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
(รพ.สต.) เกาะเสม็ด
โดยรับรายงานผู้ป่วยที่เป็นชาวบ้านที่อ่าวพร้าว
4 ราย
มีอาการคลื่นไส้
เวียนศีรษะ หากมีผลในวงกว้างจะตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนต่อไป
ด้านนายสรวงศ์
เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเผยเพิ่มเติมว่า
ได้ทำการเก็บตัวอย่างปัสสาวะของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่บริษัท, ทหารจากกองทัพเรือภาคที่ 1 และอาสาสมัครรักษาดินแดน
ที่เดินทางกลับจากการเก็บคราบน้ำมันดิบจำนวน 209 คน ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจละเอียดหาสารทีที
มิวโคนิค แอซิด ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสารเบนซิน ว่าตกค้างอยู่ในร่างกายเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งอยู่ที่ไม่เกิน 500 ไมโครมกรัมหรือไม่
เนื่องจากสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยการสูดดม ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว หากร้ายแรงอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคได้จัดส่งหน้ากากอนามัยกันสารเคมีแบบอ่อนจำนวน 5,000 ชิ้น ให้เจ้าหน้าที่ที่ทำการเก็บกู้คราบน้ำมัน
พร้อมกำชับให้แต่งกายมิดชิด ไม่ให้สัมผัสน้ำมันดิบโดยเด็ดขาด
และให้กรมวิทยาศาสตร์ฯ ส่งผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำ รวมถึงสัตว์ทะเลในตลาดสดเพื่อหาปริมาณสารพิษตกค้างส่วนดร.นพ.พร เทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มประชาชนที่ต้องระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ มี 4 กลุ่ม ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณชายหาดที่มีคราบน้ำมันเหล่านี้ ควรอยู่ห่างประมาณ 500 ม.และอยู่เหนือลม โดยในเบื้องต้นนี้ได้จัดส่งหน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น เพื่อแจกประชาชนที่อยู่ในพื้นที่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น