วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

สถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ วันที่ 9 มกราคม 2556


1. สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก
1.1 Indonesia

     การระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก(โดยเฉพาะเป็ด)ในประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555 เป็นมา ขณะนี้มีการระบาดรุนแรงใน 9 จังหวัดของ 4 เกาะของประเทศนี้ได้แก่ เกาะชวา ซูลาเวสี สุมาตรา และบาหลี  คาดว่าการระบาดครั้งนี้จะแพร่ระบาดไปถึง 10-12 จังหวัด และมีเป็ดและสัตว์ปีกอื่นๆเสียชีวิต 500,000 ตัว  Director General of Disease Control and Environmental Health (P2PL) Ministry of Health เผยว่าขณะนี้มีการวางแผนเพื่อเพื่อควบคุมโรคอย่างเข้มข้น เนื่องจากการระบาดครั้งนี้เชื้อที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่เป็น the new clade virus และได้เตรียมยาTamifu ไว้กรณีที่มีผู้ติดเชื้อจากเชื้อนี้ด้วย นอกจากนั้นองค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า new  clade" ดังกล่าวมีรายงานจาก 15 ประเทศดังนี้  Iran, Nepal, India, Bangladesh, Bhutan, China, including Hong Kong, Vietnam, Mongolia, Republic of Korea, Japan, Romania, Bulgaria, Laos, Indonesia และRussia


1.2 Malaysia

     หัวหน้า Department of Animal Husbandry and Animal Health จังหวัด West Kalimantan ประเทศมาเลเซียเปิดเผยว่าได้กำหนดให้มีการตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกบริเวณชายแดนของประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก โดยเฉพาะnew  clade"

1.3 Vietnam
      ตั้งแต่วันที่ 1-5 มกราคม 2556 พบการกลับมาระบาดใหม่ของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก(เป็ด) ในอำเภอ Hung Nguyen จังหวัดNghe An ทำให้มีเป็ดตาย 200 ตัว

1.4 Chinese Taipei
   
      พบการระบาดของเชื้อ H5N2 ในไก่พื้นเมืองในเขต Ma-Gong เมืองP'ENG-HU เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555  มีไก่ตาย 25 ตัว ถูกทำลายและฆ่า 44 ตัว


1.5 Mexico
       หลังจากผู้บริหารระดับสูงของประเทศเม็กซิโกประกาศปลอดจากการติดเชื้อ AH7N3ในสัตว์ปีกในเดือนตุลาคม 2555 พบว่ามีการระบาดครั้งใหม่ของเชื้อดังกล่าวในเขต Lagos de Moreno เมืองAguascaliente มีสัตว์ปีกติดเชื้อ 8 ล้านตัว


2. สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในคน
        ในปี 2555 พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกทั่วโลก 32 ราย ซึ่งต่ำสุดตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในปี 2546 เป็นต้นมา พบรายงานจาก 6 ประเทศ ได้แก่ Bangladesh, Cambodia, China, Egypt, Indonesia, และ Viet Nam  เสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 60 ซึ่งสูงกว่าปี 2554  ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อายุตั้งแต่ 1ปึ ถึง 45 ปี อายุเฉลี่ย 18 ปีซึ่งสูงกว่าปี 2554ที่มีอายุเฉลี่ย 11 ปีกลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี นอกจากนั้นพบการระบาด 2 Clusters  ในประเทศ Indonesia 1 Cluster และ Bangladesh 1 Cluster โดย Cluster พบในครอบครัวแห่งหนึ่งในอำเภอ Sunter Agung จังหวัด Tanjung Priok ซึ่งอยู่ทางเหนือของNorth Jarkarta โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายอายุ 23 ปี มีประวัติสัมผัสนกพิราบป่วย และเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2554 เข้ารับการรักษาในโนโรงพยาบาลวันที่ 4 มกราคม 2555 เสียชีวิตวันที่ 7  มกราคม 2555 รายที่ 2 เป็นเด็กหญิงอายุ 5 ปีอาศัยในบ้านหลังเดียวกันกับรายรายแรกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในวันที่ 7  มกราคม 2555 เสียชีวิตวันที่ 16 มกราคม 2555 รายนี้มีประวัติสัมผัสนกพิราบตัวเดียวกับผู้เสียชีวิตรายแรก Clusterที่ 2 ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมีนาคม 2555 พบในประเทศ Bangladesh เป็นคนงาน 3 คนในตลาดค้าขายสัตว์ปีก ซึ่งตั้งที่ southern Dhaka City ผู้ติดเชื้ออายุระหว่าง 18-40 ปี มีอาการไข้ ไอและเจ็บคอตรวจพบเชื้อ H5N1 ทุกรายหายเป็นปกติ


3.สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่
      องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่าหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศแถบซีกโลกเหนือสูงขึ้นมากโดยเฉพาะตั้งแต่  North America ถึงแถบโซนร้อนของทวีปเอเชีย นอกจากนั้นประเทศสหรัฐอเมริกาพบการแพร่ระบาดของโรคนี้มากถึง 41 รัฐ
4. สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009

    4.1  Philippines
     ประเทศฟิลิปปินส์มีการตรวจคนเข้าออกประเทศ โดยเฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติอย่างเข้มข้นหลังจากมีข่าวชาวจีนเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 2 รายเมื่อเร็วๆนี้

5.สถานการณ์การติดเชื้อ norovirus
       จากการเฝ้าระวังของทั่วโลก พบว่าปลายปี 2555 มีผู้ติดเชื้อ norovirusเพิ่มขึ้นหลายประเทศ ได้แก่  the United Kingdom (UK), the Netherlands, Japan  Australia, France และ New Zealand เชื้อที่พบส่วนใหญ่เป็น a new norovirus genotype II.4 variant, termed Sydney 2012 โดยเฉพาะ United Kingdom (UK) ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ  นอกจากนี้ต้นเดือนมกราคม 2556 พบการระบาดที่ตึกผู้ป่วย 2 แห่งในโรงพยาบาล New Westminster’s Royal Columbian และตึกผู้ป่วย แห่งหนึงที่ Vancouver General Hospital ในเมือง Vancouver British Columbia  มีผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ป่วย 12 รายและบุคลกรทางการแพทย์ 6 ราย


6. สถานการณ์ Measles
6.1 Pakistan
        โฆษกขององค์การอนามัยโลกเปิดว่าในปี 2555 ที่ผ่านมามีการระบาดของโรคหัดในประเทศปากีสถาน โดยมีเด็กเสียชีวิต 306 ราย ซึ่งสูงถึง 4.7 เท่าของปี 2554(64 ราย) โดยเฉพาะทางใต้ของเมือง Sindh มีเด็กเสียชีวิต 210 ราย (ปี 2554 มีเพียง 28 ราย) องค์การอนามัยโลกไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการระบาดครั้งนี้  อย่าง ไรก็ตามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจังหวัดดังกล่าวระบุว่าการระบาดครั้งกลุ่ม ผู้เสียชีวิตมาจากครอบครัวยากจนและไม่ได้นำบุตรหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค

ในประเทศ
1. สถานการณ์โรคมะเร็งตับ

 (ไวรัสตับ C' ร้ายอีกสาเหตุมะเร็ง)
     พล.ต.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ เลขาธิการมูลนิธิโรคตับเผยว่า แม้โรคไวรัสตับอักเสบจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส 5 ชนิด แต่ไวรัสที่พบมากที่สุดและน่าเป็นห่วงคือ ไวรัสตับอักเสบชนิด C เพราะสามารถเป็นได้บ่อย ไม่ติดต่อทางอาหาร และผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อ ที่ร้ายกว่านั้นคือไวรัสตับอักเสบ C เป็นอีกสาเหตุสำคัญของมะเร็งตับทั้งนี้ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ C จะไม่แสดงอาการชัดเจน บางรายพบว่ามีไข้ต่ำ อ่อน เพลีย เมื่อยล้า คลื่นไส้ และเบื่ออาหาร ทำให้ผู้ติดเชื้อมากกว่าครึ่งไม่คิดว่าเป็นอาการของโรคไวรัสตับอักเสบ C ทำให้เป็นเรื้อ รัง กว่าจะรู้ตัวก็มีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคตับแข็ง และลุกลาม ไปสู่มะเร็งตับในที่สุด
2. สถานการณ์การติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      
      ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า จากการออกหน่วยบริการตรวจเลือดเอชไอวีโดยสมัครใจในช่วงวันเอดส์โลก 30 พฤศจิกายน 2555-1 ธันวาคม 2556 ของกระทรวงสาธารณสุข สายด่วนปรึกษาเอดส์ 1663 สภากาชาดไทย มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และองค์การแพธ ที่ห้างสรรพสินค้า 5 แห่งคือ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน สาขาบางกะปิ สาขาบางแค และที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาพระราม 2 และพระราม 3 พบว่ามีผู้มารับบริการ 688 ราย เป็นชาย 432 ราย หญิง 256 ราย ในจำนวนนี้พบว่าติดเชื้อเอชไอวี (HIV) 25 ราย คิดเป็น 3.6% ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศซึ่งอยู่ที่ 1%  

      นอกจากนั้น นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า จากการคาดการณ์ ในปี 2555 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์สะสมรวม 1,157,589 คน เสียชีวิต 695,905 คน ยังมีชีวิตอยู่ 464,414 คน และมีผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ 9,473 คน กว่าร้อยละ 80 ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่ ร้อยละ 62 อยู่ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย พนักงานขายบริการทางเพศ และผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ที่น่าห่วงคือ กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ซึ่งคาดประมาณว่ามีประมาณ 600,000 คน จากชายไทยทั้งหมด 32 ล้านกว่าคน เนื่องจากพบว่าในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ.2530-2554 มีแนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และคาดการณ์ในอีก 12 ปีข้างหน้าคือ พ.ศ.2567 กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย จะมีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่ากลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เช่น กลุ่มหญิงบริการ กลุ่มฉีดสารเสพติดทางเส้นเลือด เป็นต้น ส่วนกลุ่มอายุพบว่าปี 2555  พบอัตราผู้ป่วยในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ร้อยละ 22.03 โดยพบว่าเพศหญิงมีสัดส่วนอัตราการป่วยเอดส์สูงกว่าเพศชายในจำนวน 2 ต่อ 1 และมีเด็กแรกเกิดที่ติดเชื้อจากมารดาร้อยละ 2.2นอกจากนั้นอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวเพิ่มเติมว่าถ้าเมื่อไรโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างซิฟิลิสหรือโกโนเรียมีมากขึ้น อีกสัก 2-3 ปีโรคเอดส์จะตามมา เพราะคนรับเชื้อเข้าไปแล้วแต่ยังไม่มีอาการ ซึ่งขณะนี้สัญญาณอันตรายเริ่มมาแล้ว เพราะโรคซิฟิลิสกำลังระบาดรุนแรงขึ้น และครึ่งหนึ่งของคนที่มาคลินิกโรคเพศสัมพันธ์เป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี โดย 8 ใน 10 คนเป็นเด็กผู้หญิงอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวพร้อมเตือนว่า โรคเอดส์ยังมียากินให้ไม่ตายได้ แต่โรคซิฟิลิสไม่มียารักษา และลักษณะทางกายภาพของผู้หญิงทำให้ติดโรคนี้ได้มากกว่าผู้ชาย

3. โรค/ภัยคุกคามที่อาจมีความเสี่ยงสูงจากการเปิดประชาคมอาเซียน
        สหประชาชาติกังวลว่าหากไม่มีมาตรการที่ดี การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะทำให้อัตราการเพิ่มขึ้นของโรคมากจนยากจะควบคุม เนื่องจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของประชาชนทั้งการทานอาหารและการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม สำหรับโรคที่สหประชาชาติห่วงมากที่สุดมี 4 โรค คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคปอด และโรคเบาหวาน ซึ่งคร่าชีวิตคนทั่วโลกไปแล้วมากถึง 36 ล้านคน จากจำนวนผู้เสียชีวิตที่พบ 57 ล้านคนในแต่ละปี สำหรับอาเซียนพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 4 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 60 หรือประมาณ 2.5 ล้านคนเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อนี้สำหรับ 7 โรคร้ายภัย AEC ที่มีทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อมานำเสนอ เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ทั้งภาครัฐและประชาชน ตระหนักถึงภัยร้ายจากโรคภัยไข้เจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
1) โรคคอตีบ หรือ "ดิพทีเรีย"    2) โรคไอกรน (Pertussis)     3) โรคบาดทะยัก (Tetanus)     4) โรคความดันโลหิตสูง   5) โรคหัวใจ   6) โรคเบาหวาน   
7) โรคปอด   ด้าน ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ชี้ เมื่อสังเกตจากสภาพอากาศของปี 2555 พบว่า อากาศร้อนมากขึ้นและมีฝนตกมาก ทำให้ในปี 2556 น่าจะมีโรคติดต่อระบาดมากใน 3 โรคได้แก่
          1.โรคไข้เลือดออก ปกติจะมียอดผู้ป่วยสะสมตลอดปีของโรคไข้เลือดออกจะอยู่ที่หลักหมื่น แต่ในปี 2555 ยอดผู้ป่วยอยู่ที่ประมาณ 5-6 หมื่นราย ทำให้ในปี 2556 จะมีผู้ป่วยมากเกินกว่าแสนราย เท่ากับมียอด ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
          2.โรค ทางเดินอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิ ที่สูงขึ้นทำให้อาหารบูดเน่าและเสียได้ง่าย เอื้อต่อการป่วยโรคทางเดินอาหาร ทำให้คาดการณ์ว่าจะมียอดผู้ป่วยสะสมตลอดปีมาก เกินกว่าหนึ่งล้านคน
          3.โรคมือเท้าปาก จากเดิมปี 2555 มีผู้ป่วยราว 3-4 หมื่นคน ก็จะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น เช่นกัน


4. สถานการณ์โรคปอดบวม
ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า โรคปอดบวม เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยและทั่วโลก พบว่าปีหนึ่งๆ มีเด็กทั่วโลกกว่า 2 ล้านคน เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม สำหรับประเทศไทยในแต่ละปีมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่ป่วยด้วยโรคปอดบวมกว่า 100,000 คน เสียชีวิตกว่า 1,000 คน ความรุนแรงของโรคเมื่อเปรียบเทียบกันในกลุ่มของโรคติดเชื้อในเด็กมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า โรคปอดบวมทำให้เด็กเสียชีวิตมากที่สุด  สำหรับโรคปอดบวมเกิดจากหลายสาเหตุ พบได้บ่อยจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย โดยอาการของผู้ป่วยโรคปอดบวมจะมี ไข้ ไอ มีเสมหะ หายใจเร็วกว่าปกติ หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ผู้ป่วยบางคน อาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง บางคนอาจมีครบทุกอาการ โรคปอดบวมเป็นโรคที่พบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น